คำว่า "prefix" คือ คำนำหน้า หรือส่วนที่ถูกตั้งไว้ข้างหน้าคำหลังในภาษาอังกฤษ เป็นตัวชี้วัดให้เราเข้าใจว่าคำนั้นมีความหมายเป็นอย่างไร ภาษาอังกฤษมีหลายคำนำหน้าที่ใช้ในการสร้างคำศัพท์ใหม่ โดยส่วนมากจะมีรากศัพท์คำที่ใช้ในคำนำหน้าเหมือนกัน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเดาความหมายของคำนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น และบางครั้งก็อาจมีความหมายที่ไม่สามารถคาดเดาได้จากส่วนของคำนำหน้าเพียงอย่างเดียว ดังนั้น วันนี้เราจะมานำเสนอคำนำหน้าที่ควรรู้ เพื่อให้เข้าใจภาษาอังกฤษได้มากขึ้นค่ะ
1. Ambi-
แสดงถึง "ทั้งสอง" หรือ "ทั้งสองฝ่าย"
เช่น ambidextrous (ทำสองมือได้), ambivalent (รู้สึกทั้งดีและเสีย)
2. Anti-
แสดงถึง "ตรงกันข้าม" หรือ "ปฏิเสธ"
เช่น anti-inflammatory (ต้านการอักเสบ), anti-social (ไม่เป็นมิตรต่อสังคม)
3. Bi-
แสดงถึง "สอง" หรือ "คู่"
เช่น bilingual (ภาษาสองภาษา), bicycle (จักรยานสองล้อ)
4. Co-
แสดงถึง "ร่วมกัน" หรือ "ร่วมเป็น"
เช่น cooperate (ร่วมมือกัน), coexist (ความร่วมกันในการใช้ชีวิต)
5. Con-
แสดงถึง "พร้อมกัน" หรือ "สัมพันธ์กัน"
เช่น connect (เชื่อมต่อกัน), contribute (มีส่วนร่วม)
6. De-
แสดงถึง "การเอาออก" หรือ "ลดลง"
เช่น decode (ถอดรหัส), decrease (ลดลง)
7. Dis-
แสดงถึงการเคลื่อนที่หรือการกระทำที่ "ความไม่" หรือการเอาออก
เช่น disconnect (ตัดสาย), dislike (ไม่ชอบ)
8. Em-
แสดงถึง "ใน" หรือ "ใกล้" หรือ "ภายใน"
เช่น embrace (กอด), empower (เสริมสร้างความสามารถ), embody (แสดงออกมาในรูปแบบ)
9. Extra-
แสดงถึงการ "เพิ่มเติม" หรือ "นอกเหนือจาก"
เช่น extraordinary (พิเศษ), extracurricular (นอกหลักสูตร)
10. Fore-
แสดงถึง "ก่อน" หรือ "ล่วงหน้า"
เช่น foresee (คาดการณ์ล่วงหน้า), forecast (ทำนาย)
11. Hind-
แสดงถึง "หลังจาก" หรือ "ข้างหลัง"
เช่น hinder (ขัดขวาง), hindsight (มองย้อนหลัง)
12. Im-
แสดงถึง "ไม่" หรือ "ในระดับต่ำ"
เช่น impossible (เป็นไปไม่ได้), immature (ไม่เจริญเติบโต)
13. In-
แสดงถึงสภาวะ "ไม่" หรือการเอาออก และอาจมีความหมายอื่นๆ เช่น การเข้าร่วม
เช่น incomplete (ไม่สมบูรณ์), indirect (อ้อมค้อม), involve (เกี่ยวข้อง)
14. Inter-
แสดงถึงสภาวะ "ระหว่าง" หรือ "ร่วมกัน"
เช่น interact (ปฏิสัมพันธ์), international (ระหว่างประเทศ), interdisciplinary (ร่วมกันระหว่างวิชาการ)
15. Mal-
แสดงถึง "เลว" หรือ "ไม่ดี"
เช่น malfunction (การทำงานผิดพลาด), malevolent (มีความโจมตี)
16. Mid-
แสดงถึง "กลาง" หรือ "ระหว่าง"
เช่น midway (กึ่งทาง), midday (เวลาเที่ยง)
17. Mis-
แสดงถึงการทำผิดหรือการเสียหาย
เช่น misunderstand (เข้าใจผิด), misplace (วางผิดที่)
18. Mono-
แสดงถึง "เดี่ยว" หรือ "เท่านั้น"
เช่น monochrome (ขาวดำ), monologue (การพูดคนเดียว)
19. Non-
แสดงถึง "ไม่" หรือ "ไม่มี"
เช่น nonfiction (งานเขียนที่ไม่ใช่นวนิยาย), nonviolent (ไม่ใช่ความรุนแรง)
20. On-
แสดงถึง "บน" หรือ "ลงบน"
เช่น onset (จุดเริ่มต้น), on top of (บนสุด)
21. Over-
แสดงถึง "มากกว่า" หรือการเกินขีดจำกัด
เช่น overcook (ทำอาหารสุกมากเกินไป), oversleep (นอนมากเกินไป)
22. Pan-
แสดงถึง "ทั้งหมด" หรือ "ทั่วทุกส่วน"
เช่น pandemic (โรคระบาดทั่วโลก), panacea (สิ่งที่รักษาทุกอาการ)
23. Ped
แสดงถึง "เด็ก"
เช่น pediatrician (หมอเด็ก), pedagogy (วิธีการสอน)
24. Post-
แสดงถึง "หลังจาก" หรือ "ตามหลัง"
เช่น postgraduate (ระดับบัณฑิตหลังปริญญา), postpartum (หลังคลอด)
25. Pre-
แสดงถึงเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้น "ก่อน" หรือเป็นการเตรียมไว้ล่วงหน้า
เช่น preheat (เตรียมอุณหภูมิก่อน), preview (มองภาพล่วงหน้า)
26. Pro-
แสดงถึง "สนับสนุน" หรือ "เป็นที่ยอมรับ"
เช่น promote (สนับสนุน), proceed (ดำเนินการ)
27. Re-
แสดงถึงการทำซ้ำหรือการกลับมาที่เดิม
เช่น rewind (ถอยหลัง), rebuild (สร้างใหม่), repeat (ทำซ้ำ)
28. Semi-
แสดงถึง "ครึ่งหนึ่ง" หรือ "ไม่สมบูรณ์อย่างสมบูรณ์"
เช่น semicircle (วงกลมครึ่งวงกลม), semifinal (รอบครึ่งชิงชนะเลิศ)
29. Sub-
แสดงถึง "ใต้" หรือ "ใกล้"
เช่น submerge (จมน้ำ), subordinate (ใต้ความสำคัญ)
30. Sur-
แสดงถึง "เกิน" หรือ "ด้านบน"
เช่น surpass (เกินกว่า), surcharge (เพิ่มค่าใช้จ่าย)
31. Trans-
แสดงถึง "ข้าม" หรือ "เคลื่อนที่จากที่นึงไปยังอีกที่หนึ่ง"
เช่น transport (ขนส่ง), translate (แปล)
32. Tri-
แสดงถึง "สาม" หรือ "แบ่งออกเป็นสามส่วน"
เช่น triangle (สามเหลี่ยม), tricycle (รถสามล้อ)
33. Twi-
แสดงถึง "สอง" หรือ "คู่"
เช่น twister (สถานการณ์ที่ซับซ้อน), twin (แฝด)
34. Ultra-
แสดงถึง "เกินจาก" หรือ "สูงสุด"
เช่น ultraviolet (รังสีม่วง), ultra-modern (ทันสมัยสุด)
35. Un-
แสดงถึงสภาวะ "ไม่" หรือการเอาออก
เช่น unhappy (ไม่สุข), undo (เอากลับมา), uncomfortable (อึดอัด), unbelievable (น่าเหลือเชื่อ)
36. Uni-
แสดงถึงความเป็นหนึ่ง "เดียว" หรือ "เอกลักษณ์เดียว"
เช่น university (มหาวิทยาลัย), uniform (เครื่องแบบเดียวกัน)
37. Under-
แสดงถึงความ "น้อยกว่า" หรือความไม่เพียงพอ
เช่น undercooked (ไม่สุกพอ), underestimate (ประเมินน้อยเกินไป)
38. Up-
แสดงถึงการ "ขึ้น" หรือ "เพิ่มขึ้น"
เช่น upgrade (อัพเกรด), uplift (ยกระดับ)
การเรียนรู้คำนำหน้าในภาษาอังกฤษสามารถทำได้โดยใช้วิธีต่อไปนี้:
อ่านและศึกษารายการคำนำหน้าที่พบบ่อย: เริ่มต้นด้วยการอ่านและศึกษารายการคำนำหน้าที่พบบ่อยในภาษาอังกฤษ เช่นในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษหรือบทความเกี่ยวกับการใช้คำนำหน้า การทำความเข้าใจและรู้จักคำนำหน้าเหล่านี้เป็นขั้นตอนแรกในการเรียนรู้
ศึกษาความหมายของคำนำหน้า: ค้นคว้าความหมายของคำนำหน้าแต่ละตัว วิเคราะห์ว่าแต่ละคำนำหน้าแสดงถึงความหมายใด ตัวอย่างเช่น "un-" หมายถึง "ไม่" หรือ "เชิงลบ" ในบางกรณี การรู้จักความหมายที่แท้จริงของคำนำหน้าจะช่วยให้คุณเข้าใจและใช้งานคำนำหน้าได้อย่างถูกต้อง
ฝึกฝนด้วยคำศัพท์ตัวอย่าง: ใช้คำศัพท์ที่มีคำนำหน้าเหล่านี้เพื่อฝึกฝนการใช้งาน ลองนึกถึงคำศัพท์ที่คุณรู้จักและสังเกตว่ามีคำนำหน้าใดบ้าง ตัวอย่างเช่น "unhappy" (ไม่มีความสุข), "misunderstand" (เข้าใจผิด), "preheat" (เตรียมความร้อนล่วงหน้า) เป็นต้น การใช้คำศัพท์ตัวอย่างจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีของคำๆนั้นได้มากขึ้น
Comments